Events Update

หมูชีวา ความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้ประชากรโลกมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร่วมกับกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้นำเสนอประโยชน์และงานวิจัยของโอเมก้า 3 สารอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพเชิงป้องกันในงานสัมนาวิชาการInternational Conference for Public Health, Environment, and Education for Sustainable Development Goals and Lifelong learning จัดโดยคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในวันที่ 28 กันยายน 2566จากความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้ประชากรโลกมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการวิจัยและพัฒนาอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพอย่าง หมูชีวา หรือ Cheeva Pork ถือเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่พัฒนาตั้งแต่สายพันธุ์ อาหารที่เลี้ยง ตลอดจนวิธีการเลี้ยง เพื่อให้มีโอเมก้า 3 สูง โดยได้รับการรับรองมาตรฐานการเลี้ยงจาก NSF ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำในด้านการรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ในระดับนานาชาติ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงความปลอดภัยทางอาหาร ควบคู่กับการสร้างความมั่นคงทางอาหารและการบริโภคอย่างยั่งยืนโอเมก้า 3 มีคุณสมบัติที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคที่หลากหลายและจำเป็นต่อระบบการทำงานต่าง ๆ ภายในร่างกาย โดยที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากการรับประทานอาหารอื่นๆโอเมก้า 3 จำเป็นต่อร่างกายซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบหัวใจหลอดเลือดและสมองมีงานวิจัยพบว่า การได้รับโอเมก้า 3 อย่างเพียงพอ จะช่วยช่วยลดคอเลสเตอรอลและลดการอักเสบ ซึ่งการอักเสบเป็นสาเหตุสำคัญของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงการพัฒนาของกลุ่มโรคทางระบบประสาทและสมอง เช่น อาการสมองเสื่อม ความจำเสื่อมการยกระดับอาหารไทยไปอีกขั้น เพื่อให้โอเมก้าที่ปกติพบในแซลมอน สามารถเข้าถึงได้ง่ายในเมืองไทยโดยเนื้อหมู เนื้อสัตว์ที่คนไทยทานทุกมื้อกลายเป็นแหล่งโอเมก้าใหม่ในราคาที่เข้าถึงถึงได้นั้น มีกระบวนการศึกษา วิจัย ที่หลากหลายและใช้เวลาหลายปี เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์ แต่สิ่งที่สำคัญคือการศึกษามุ่งเน้นไปที่การให้หมูสะสมโอเมก้า3 ด้วยวิธีการเลี้ยงตามธรรมชาติ โดยการพัฒนาสูตรอาหารให้อุดมไปด้วยแหล่งอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง เช่น แฟล็กซีด สาหร่ายทะเลน้ำลึก หมูจึงสะสมโอเมก้า 3 จากแหล่งอาหารธรรมชาติ นอกจากนี้ หมูชีวายังได้การรับรองมาตรฐานการเลี้ยงจาก NSF ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำในด้านการรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ จากการไม่ใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี่ยงดู ในระบบคลีนฟาร์ม ดังนั้นหมูชีวาจึงกลายเป็นแหล่งโอเมก้า 3 ใหม่ที่ปลอดภัย และยังช่วยดูแลสุขภาพเชิงป้องกันของคนไทยได้หมูชีวา หมูมีโอเมก้า 3 สามารถหาซื้อได้แล้วในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป รวมถึงช่องทาง CP Online Shop ใน Shopee และ Lazada อีกด้วย

U FARM x MICHELIN Guide Thailand’ ชวนเปิดประสบการณ์ความอร่อยระดับเวิลด์คลาส กับ 4 สุดยอดเชฟจากร้านมิชลินสตาร์ ปี 2023U FARM ในกลุ่ม บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ชวนเปิดประสบการณ์ความอร่อยระดับเวิลด์คลาส คูณ 2 กับสุดยอดผู้นำด้านอาหารระดับโลกที่มาร่วมกันรังสรรค์เมนูสุดพิเศษ ระหว่าง 4 สุดยอดเชฟจากร้านมิชลินสตาร์ ประจำปี 2023 และ U FARM ด้วยผลิตภัณฑ์พรีเมียม ไก่เบญจา หมูชีวา และไข่ไก่สดโอชา แบรนด์แรกและแบรนด์เดียวของประเทศไทยที่คว้ารางวัลความอร่อยระดับโลกบนเวทีนานาชาติ ด้วยนวัตกรรมจากธรรมชาติ 100% ปลอดสาร ปลอดภัย เลี้ยงดูอย่างใส่ใจด้วยซูเปอร์ฟู้ด ทั้งข้าวกล้องคัดพิเศษ และ Flax seed จึงทำให้หมูและไก่ มีโอเมก้า 3 มีความหอม… นุ่ม… ฉ่ำ… มากกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไปถึง 55% และได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลก NSF ที่บรรดาเชฟจากร้านมิชลินสตาร์ไว้วางใจนำมารังสรรค์อาหารในแบบฉบับของตนเองอย่างพิถีพิถัน จนกลายเป็นเมนูสุดพิเศษแบบ Limited Creationเริ่มที่ท่านแรก ‘เชฟเฮงค์ ซาเวลเบิร์ก’ (Henk Savelberg) จากร้าน Savelberg เชฟชาวดัตช์ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ปรุงอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยหลากหลายเมนูที่ยังคงเอกลักษณ์ความดั้งเดิมได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ ยังคิดค้นไอเดียใหม่ๆ ต่อยอดเป็นเมนูระดับไฮเอนด์ให้กับ U FARM เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ทุกท่านได้ดื่มด่ำกับมื้ออาหารชั้นเลิศ โดยคอร์สแรก เมนูจานหลักนำเสนอความสดใหม่ของวัตถุดิบ ให้เลือกระหว่างหมูชีวาหรือไก่เบญจา จาก 5 คอร์ส หากเลือกไก่เบญจา ความพิเศษคือทำเป็นโรล (Roulade) ม้วนชิ้นเนื้อเข้ากับสมุนไพรหมักด้วยน้ำเกลือ ทำให้เนื้อนุ่มมากยิ่งขึ้น ส่วนเมนูหมูชีวาสไตล์ยุโรป เนื้อหมูปรุงสุกกำลังดี ราดซอส Ravigote รสชาติเปรี้ยวหวานลงตัว เข้าปากแล้วรู้สึกสดชื่นทันที มีชีวิตชีวาเหมือนกับหมูชีวาท่านที่ 2 ‘เชฟต้อย-พิไลพร คำหนัก’ จากร้านเสน่ห์จันทน์ (Saneh Jaan) ผู้หลงใหลและชำนาญทั้งอาหารไทยและอาหารตะวันตก พิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพดีจาก U FARM รังสรรค์ 2 เมนูสุดพิเศษ ได้แก่ 'แกงหมูโบราณ' วัตถุดิบหลัก คือ สามชั้นของหมูชีวา ที่มีความนุ่ม เด้ง เพิ่มรสจัดจ้านด้วยซอสพริกแกงไทย อร่อยลงตัวไร้ที่ติ และเมนูที่ 2 'แกงไก่มลายู' นําเสนอวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย ชูความนุ่มของเนื้อไก่เบญจาที่มีไขมันน้อย ปรุงเข้ากับเครื่องเทศเฉพาะถิ่น ทําให้อาหารจานนี้มีรสชาติเข้มข้นมากยิ่งขึ้นท่านที่ 3 ‘เชฟเทียร์รี ดราโป’ (Thierry Drapeau) จากร้าน Signature Bangkok ที่ขึ้นชื่ออาหารสไตล์ฝรั่งเศสสมัยใหม่ โดยปรัชญาของเชฟ “Cuisine of the Soil” คือการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูง สด ใหม่ และดีต่อสุขภาพในการทำอาหาร จึงมั่นใจและเลือกใช้ U FARM สร้างสรรค์เมนูเลิศรสให้ลูกค้าได้สัมผัส 2 เมนูจานหลัก ได้แก่ Suprême De Poulet (ซูพรีม เดอ ปูเลต์) จากไก่เบญจา และ Terre et Mer (แตร์ เอต แมร์) จากหมูชีวา โดยเชฟตั้งใจสร้างความแปลกใหม่ด้วยการนำวัตถุดิบที่แตกต่างให้มาอยู่ในจานเดียวกัน ผสมผสานได้อย่างลงตัว ทำให้ 2 จานนี้พิเศษไม่เหมือนใครสุดท้ายกับ เชฟจากร้านมิชลินสตาร์ ดีกรีระดับ 2 ดาว อย่าง ‘เชฟชุมพล แจ้งไพร’ จากร้าน R-Haan ผู้เชี่ยวชาญอาหารไทยแบบ Fine Dining แต่ยังคงภูมิปัญญาไทยแท้ดั้งเดิม ผ่านตำรับอาหารพื้นบ้านและตำรับอาหารชาววังด้วยวัตถุดิบที่ดีที่สุด รังสรรค์เมนู 'ไข่พะโล้' สูตรของคุณย่า ด้วยความทรงจําในวัยเด็กที่ผูกพันกับอาหารจานนี้เป็นพิเศษ และอีก 1 เมนูที่ภูมิใจนำเสนอ คือ ซุปไทยที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อย่าง 'ต้มข่าไก่ Espuma' นำเสนอความแตกต่างสไตล์ฝรั่งเศส จัดจานสวยหรูแบบ Fine Dining เชฟชุมพล นําเมนูที่มีความพิเศษทั้งเรื่องราวและเป็นเมนูที่คุ้นเคยโดยเพิ่มเทคนิคใหม่ๆ ให้ทุกคนได้ลิ้มลองและสัมผัสภูมิปัญญาอาหารไทยอันวิจิตร มีประโยชน์และรสชาติอร่อยประทับใจ เสิร์ฟเป็น Complimentary ให้กับลูกค้าทุกท่านแคมเปญ ‘U FARM x MICHELIN Guide Thailand’ ครั้งนี้ การันตีวัตถุดิบพรีเมียมระดับโลก ควบคู่กับการรังสรรค์เมนูชั้นเลิศจากเชฟฝีมือระดับโลก จึงกลายเป็นความอร่อยระดับเวิลด์คลาสคูณ 2 ที่พลาดไม่ได้ ซึ่งทั้ง 4 ร้านมิชลินสตาร์ ปี 2023 พร้อมให้บริการและชวนทุกท่านเปิดประสบการณ์ใหม่สุดพิเศษ ตลอดทั้งเดือนสิงหาคม–กันยายน 2566 โดยเริ่มต้นที่ ‘ร้าน SAVELBERG’ วันที่ 1-15 สิงหาคม ต่อด้วย ‘ร้าน SANEH JAAN’ วันที่ 15-31 สิงหาคม ‘ร้าน SIGNATURE’ วันที่ 1-15 กันยายน และ ‘ร้าน R-HAAN’ วันที่ 16-30 กันยายนติดตามข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ U FARM ได้ที่ www.ufarmthailand.com หรือ Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/ufarmthailand/

"บรรยากาศภายใน บูธ U FARM 100% Natural ที่ Gourmet Market"#UFARM ขอขอบคุณลูกค้าสาย 100% Natural ทุกๆท่าน ที่ให้ความสนใจและแวะมาอุดหนุนสินค้าของเรากันอย่างมากมาย งานที่ห้างพารากอนยังมีจัดถึงวันที่ 7 ก.ย. 65 นี้นะคะใครที่มีแพลนจะไปช้อปที่พารากอน ขอเชิญแวะไปที่บูธ U FARM 100% Natural ที่ Gourmet Market ชั้น G กันนะคะ ที่งานพบกับสินค้าของสดเกรดพรีเมียมจาก U FARM พร้อมพบโปรพิเศษ ของพรีเมียม และกิจกรรมต่างๆ มากมาย เพราะ U FARM คือฟาร์มเดียวในไทยที่เลี้ยงหมู-ไก่ด้วย Superfoods ชั้นดี เพื่อเนื้อหมู-ไก่ที่ 100% ปลอดสารปลอดภัยจากธรรมชาติ #BenjaChicken ไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้อง และ Flaxseed ทำให้ได้ไก่ Healthy เนื้อสีอมชมพู…แบบพิสูจน์ได้จริง!! และยังมี omega 3 สูงด้วยนะคะ #CheevaPork หมูที่เลี้ยงด้วย Flaxseed น้ำมันปลา และ สาหร่ายทะเลลึก ทำให้มี Omega 3 สูงและพิสูจน์เเล้วว่า...อร่อยกว่าหมูทั่วไปถึง +76% เลือกเป็น…เน้นธรรมชาติ เลือก U FARM 100% Natural #ไก่ปลอดสาร #ไก่ปลอดภัย #BenjaChicken #ไก่กินข้าวกล้อง #ไก่กินFlaxseed #ไก่มีโอเมก้า #CheevaPork #หมูปลอดสาร #หมูปลอดภัย #หมูกินFlaxseed #หมูมีโอเมก้า #ยูฟาร์ม #ฟาร์มนวัตกรรมธรรมชาติ

"ฉลองครบ 2 ปีไก่เบญจา U FARM"ชวนลูกค้าผู้โชคดี สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับเมนูเลิศรส ฝีมือเชฟมิชลินสตาร์ในงาน Benja Prestige 2nd Anniversary ประสบการณ์มื้อค่ำแบบสไตล์ไทยแท้ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 19 และ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยได้รับเกียรติจากเชฟเจ้าของร้านอาหารระดับ 1 ดาวมิชลิน‘เชฟหนุ่ม-ธนินทร’ ผู้มากประสบการณ์ จากร้าน Chim by Siam Wisdom ร่วมสร้างสรรค์เมนูสุดพิเศษที่ทำจากวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยม Benja Chicken 100% Natural ออกมาเป็นดินเนอร์สุดอลังการกว่า 6 คอร์ส ไม่ว่าจะเป็น... หนังไก่กรอบเบญจากับแยมพริก ไก่เบญจาห่อใบเตย สะโพกไก่เบญจารมควันกับน้ำจิ้มแจ่ว หอยจอบทาทาร์กับส้มซ่าคาร์เวียแสนสวย รวมถึง เมนูชื่อธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเลย อย่างกุ้งย่างมะเขือเผา วุ้นเส้นผัดไทยไชยา ฉู่ฉี่ปลากระพงกับโฟมตะไคร้ ข้าวหอมมะลิอบกับน้ำมะพร้าวเผา ปิดท้ายด้วย กล้วยทอดไอศครีม ให้อาหารมื้อนี้พิเศษยิ่งขึ้น การรังสรรค์อาหารแบบไทยที่คุ้นเคย แต่ให้รสชาติและการจัดวางที่แตกต่างของเชฟ ช่วยให้อาหารทุกจานมีเรื่องราวให้ค้นหาและชวนลิ้มลอง สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมแก่ลูกค้าคนพิเศษ #BenjaChicken #ปลอดสารปลอดภัย #ธรรมชาติ100% #ไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้อง

"มิชลิน ไกด์ ไดนิ่ง ซีรีส์" ครั้งที่ 3 แห่งปี 2563ครั้งแรกของการพบกันระหว่างสองเชฟแถวหน้าของเมืองไทยจากร้านระดับรางวัลสองดาวมิชลิน ที่มาแบ่งปันประสบการณ์โชกโชนในการทำอาหารในงาน “มิชลิน ไกด์ ไดนิ่ง ซีรีส์” ครั้งที่ 3 แห่งปี 2563 นั่นคือเชฟ Ryuki Kawasaki แห่งร้าน Mezzaluna (รางวัลสองดาวมิชลิน) และเชฟชุมพล แจ้งไพร แห่งร้าน R-Haan (รางวัลสองดาวมิชลิน) ที่สลับครัวมาบรรจงปรุงแต่งอาหารจานเด็ดให้กับค่ำคืนพิเศษภายใต้คอนเซปต์ “Memories of Culinary Art” บอกเล่าเรื่องราวเส้นทางการเดินทางในอาชีพงานครัวของทั้งคู่ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในทวีปยุโรปมาอย่างยาวนาน “ถ้าเรามีวัตถุดิบที่ดีที่สุดในโลกอยู่ในมือ อาหารก็อร่อยได้โดยไม่ต้องทำอะไรมาก” เชฟ Ryuki Kawasaki บอกแนวคิดด้านอาหารของเขา ที่เขาถ่ายทอดมุมมองแห่งรสชาติโดยใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลจากบ้านเกิดเมืองนอนอย่างญี่ปุ่นกอปรกับเทคนิคชั้นสูงของอาหารฝรั่งเศส หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์อาหารในยุโรปมากว่า 2 ทศวรรษจากร้านอาหารชื่อดังระดับรางวัลดาวมิชลิน เช่น Sketch (รางวัลสามดาวมิชลิน) กับเชฟ Pierre Gagnaire ในลอนดอน, Paul Bocuse (รางวัลสองดาวมิชลิน) ในฝรั่งเศส หรือกับเชฟดาวพรายอย่าง Joël Robuchon เชฟจากเมืองนีงาตะคนนี้ก็มาหยุดที่กรุงเทพฯ และพาให้ร้านอาหารฝรั่งเศสสมัยใหม่อย่าง Mezzaluna คว้ารางวัลสองดาวมิชลินได้นับตั้งแต่ปีแรกที่คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ มาเยือนประเทศไทย แม้จะต่างชาติ ต่างภาษา แต่เชฟชุมพล แจ้งไพรก็ผ่านร้อนผ่านหนาว เดินทางและเก็บชั่วโมงงานครัวมาอย่างโชกโชนไม่ต่างกัน เชฟสุดเก๋าผู้มากประสบการณ์ชาวไทยฝึกปรือฝีมืองานครัวมาจากร้านอาหารไทยขึ้นชื่ออย่าง Blue Elephant ที่เมืองโคเปนเฮเกนในเดนมาร์กตั้งแต่อายุเพียง 18 ปี และกลายมาเป็นดาวเด่นบนจอแก้วในฐานะเชฟกระทะเหล็กอาหารไทย เขายังได้ฝึกปรือฝีมือในเบลเยียม ฝรั่งเศส อังกฤษ ฯลฯ โดยทำอาหารไทยมาแล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก เชฟชุมพลนำประสบการณ์บนเส้นทางงานครัวกว่า 30 ปีพาให้ร้าน R-Haan กลายเป็นหนึ่งในร้านอาหารไทยดั้งเดิมแห่งแรกบนโลกที่คว้ารางวัลสองดาวมิชลินมาครองได้สำเร็จ “เป็นหน้าที่ของเชฟอย่างเราที่ต้องหาสมดุลแห่งรสชาติให้เข้ากัน” เชฟ Ryuki กล่าวเมื่อเราถามถึงความแตกต่างของรสชาติระหว่างอาหารไทยดั้งเดิมและอาหารฝรั่งเศสฉาบความเป็นญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่บนคนละขั้วรสชาติของทั้งสอง เชฟ Ryuki นับถือในประสบการณ์และผลงานของเชฟชาวไทยที่ได้มาร่วมงานกันในครั้งนี้ โดยเขานำความรู้และชั่วโมงบินทั้งชีวิตมาผสมกับความสร้างสรรค์เพื่อคิดเมนูจับคู่กับรสชาติแบบไทย ๆ ของเชฟชุมพล และสำหรับเชฟชาวญี่ปุ่นผู้นี้ ความอร่อยที่ลงตัวนั้นเกิดจากการวางแผนอย่างชาญฉลาดและการจัดเรียงรสชาติระหว่างจานอาหาร เช่นเดียวกับเชฟชุมพลที่ชื่นชมความมากฝีมือและนับถือในผลงานอันประดิดประดอยของเชฟ Ryuki ไม่แพ้กัน เชฟชุมพลมองว่าการร่วมงานกันครั้งนี้ทั้งคู่ต่างต้องนำประสบการณ์อาหารจากยุโรปและฝีมืออันช่ำชองมาปรับใช้ให้รสชาติเข้ากัน ซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทาย “เราทั้งคู่ไม่ได้แข่งกัน แต่เราถกและตกลงที่จะรังสรรค์เส้นทางของรสชาติที่ละมุนและอิ่มเอิบให้กับแขกมากกว่า” เชฟชุมพลเผยถึงการจับมือกันในครั้งนี้ “นั่นเป็นเหุตผลที่เราเลือกนำเสนออาหารภายใต้คอนเซปต์ ‘Memories of Culinary Art’ ที่สื่อถึงมุมมองและสิ่งที่เราทั้งคู่ยึดมั่น” ตลอดสี่ค่ำคืนสุดพิเศษนี้คนรักอาหารจะได้เพลินไปกับวัตถุดิบชั้นยอดที่เชฟแถวหน้าของเมืองไทยทั้งสองท่านคัดสรรมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกุ้งเจ็ดสีสดใหม่จากภูเก็ตที่เชฟชุมพลปรุงอย่างน่าสนใจ จัดใส่จานแบบไทยฉาบความฝรั่งเศสบาง ๆ จากความทรงจำของเขา หรือเมนูส้มโอนครชัยศรีที่เชฟ Ryuki ภูมิใจนำเสนอโดยการรังสรรค์ความอร่อยด้วยเทคนิคอาหารฝรั่งเศสชั้นสูงเพื่อวัตถุดิบบ้าน ๆ ที่เขาได้แรงบันดาลใจจากการร่วมงานกับเชฟชุมพลในโปรเจกต์ Chef Chats Thailand มาให้ได้ชิมโดยเฉพาะ

"มิชลิน ไกด์ ไดนิ่ง ซีรีส์" ครั้งที่ 2 แห่งปี 2563หลังจากความสำเร็จของ “มิชลิน ไกด์ ไดนิ่ง ซีรีส์” ครั้งแรก ที่ “เจ๊ไฝ” ร่วมมือกับ “เชฟไอซ์” จากร้าน Sorn มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย มีความยินดีขอเชิญคุณร่วมลิ้มลองรสชาติแสนสดชื่นแห่งฤดูฝน รังสรรค์โดยเชฟรุ่นใหม่ผู้ขับเคลื่อนอาหารไทยร่วมสมัยอย่างเชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร จากร้านฤดู (Le Du) พร้อมด้วยเชฟโจ-ณพล จันทรเกตุ และเชฟซากิ โฮชิโนะ แห่งร้าน 80/20 อาหารไทยเป็นศาสตร์แห่งอาหารที่อวดความรุ่มรวยของวัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาล และเมื่อ 2 ร้านอาหารไทยร่วมสมัยเจ้าของรางวัลหนึ่งดาวมิชลินต่างโคจรมาพบกัน พวกเขาจะนำเสนอไฮไลต์หน้าฝนผ่านอาหารออกมาเป็นเช่นไร เชฟโจผู้หลงรักการเดินทางเพื่อเสาะหาวัตถุดิบพื้นบ้านมาปรุงอาหารไทย ทั้งยังมีประสบการณ์เรียนและทำงานในร้านอาหารฝรั่งเศสในนครโทรอนโต แคนาดา กล่าวว่า เขาชอบคิดค้นวิธีใหม่ ๆ ที่ล้ำสมัยมาใช้สร้างสรรค์เมนูต่าง ๆ เพิ่มรสสัมผัสและความซับซ้อนลงไป แต่ยังคงรสชาติแบบไทย ๆ เอาไว้ “ประเทศเรามีประวัติศาสตร์ มีวัตถุดิบที่เป็นเอกลักษณ์ หลายอย่างหาไม่ได้ที่อื่น ผมเชื่อว่าอาหารไทยย่อมเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีที่สุดในโลก” เชฟโจกล่าว เชฟโจยังเล่าถึงแนวทางการปรุงอาหารของเพื่อนร่วมอาชีพที่นักกินจำนวนไม่น้อยมองว่าทิศทางของทั้งสองร้านใกล้เคียงกันว่า “เชฟต้นเป็นหนึ่งในคนที่นำอาหารบ้านเราไปสู่คำว่า ‘โมเดิร์นไทย’ เราต่างทำอาหารไทยทั้งคู่ แต่แนวทางการตีความไม่เหมือนกันเลย ถ้าทำแกงเขียวหวานก็จะได้แกงแบบของผมกับแบบของเชฟต้น ซึ่งไม่มีผิดหรือถูก แค่แตกต่างกัน และเชฟต้นเป็นคนที่คุยด้วยสนุกมาก โดยเฉพาะตอนจิบไวน์” อาหารและขนมของเชฟโจและเชฟซากิแห่ง 80/20 ได้ชื่อว่าเป็นอาหารไทยสมัยใหม่ที่ใช้อัตราส่วนวัตถุดิบไทยและเทศ 80% และ 20% ตามชื่อร้าน แต่ปัจจุบันค่อย ๆ เปลี่ยนมาใช้วัตถุดิบพื้นบ้านแทบจะ 100% ผสานรสชาติและคาแรกเตอร์ประจำถิ่นฐานย่านต่าง ๆ ในประเทศไทยเข้าด้วยกัน โดยศึกษาจนถึงแก่นของวัตถุดิบที่เลือกใช้ อันเป็นวิธีที่เชฟนำมาใช้กับการออกแบบมื้อพิเศษประจำหน้าฝนครั้งนี้ด้วยเช่นกัน “แต่ละฤดูของไทยหมายถึงวัตถุดิบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลายอย่างมีให้กินเฉพาะหน้าฝนเท่านั้น” เชฟโจระบุ “ที่ 80/20 เราเก็บข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบที่ใช้อย่างละเอียด เราเชื่อว่าอารมณ์และความต้องการของแขกที่มารับประทานอาหารแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ซึ่งเป็นเรื่องสนุกอย่างยิ่งสำหรับคนครัวอย่างเรา” ในขณะที่เชฟต้นจากร้านฤดูปรุงอาหารไทยแบบร่วมสมัยโดยใช้ประสบการณ์ที่เคี่ยวกรำจากการทำงานร้านอาหารชั้นนำในนิวยอร์ก ทั้ง Eleven Madison Park, The Modern และ Jean Georges เมื่อกลับมาเปิดร้านของตัวเองในเมืองไทย เชฟต้นเลือกปรุงอาหารไทยหน้าตาทันสมัยจากวัตถุดิบที่ดีที่สุดของแต่ละฤดู จึงเป็นเหตุผลที่เขาตั้งชื่อร้านว่า “ฤดู” ในการร่วมงานกับร้าน 80/20 ครั้งนี้ เชฟต้นเผยว่าเขาตื่นเต้น อยากรู้ว่าเชฟโจจะใช้วัตถุดิบอะไรและนำเสนออย่างไร เพราะเชฟโจโดดเด่นเรื่องใช้ภูมิปัญญาการทำอาหารแบบไทยและใช้วัตถุดิบธรรมชาติ โดยเฉพาะศาสตร์การหมัก “เราเองจะได้เรียนรู้ด้วย” เชฟต้นกล่าวถึงการได้ทำอาหารร่วมกับเชฟโจ “สไตล์อาหารของร้านผมกับ 80/20 ใกล้เคียงกัน แต่อาจจะคนละแนว เราใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในประเทศไทยเหมือนกัน และทำอาหารไทยโมเดิร์นเหมือนกัน แต่ทำออกมาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง การนำเสนอไม่เหมือนกัน เหมือนกับดนตรีคนละโน้ต” เชฟต้นยังย้ำอีกว่าเมื่อสองร้านมาทำงานด้วยกัน สิ่งสำคัญคือต้องพยายามทำให้อาหาร ของหวาน และเครื่องดื่มทั้งมื้อสอดคล้องกัน “เราต้องคุยกันว่าเขาจะทำอะไร เราจะทำอะไร ต้องทำให้ลำดับ (Sequence) ออกมาดี เป็นเส้นทางเล่าเรื่องอันเดียวกันที่นำเสนอว่านี่คือฤดูฝนของอาหารไทย” “ครั้งนี้เราตื่นเต้นมากที่จะได้ใช้ผลผลิตของฤดูฝน คิดว่าแขกน่าจะอยากรับประทานอะไรร้อน ๆ และอยากได้รสชาติที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น สบายใจ เราเชื่อในคำกล่าวที่ว่าอาหารเป็นยา ดังนั้นผมจึงพยายามใช้วัตถุดิบจำพวกหอมใหญ่ กระเทียม และขมิ้นที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานป้องกันโรคหวัดช่วงหน้าฝนนี้ให้แขกทุกท่านด้วย” เชฟโจกล่าว เชฟหนุ่มไฟแรงทั้งสองและเชฟหญิงผู้เชี่ยวชาญด้านขนมหวานต่างหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแขกทุกท่านจะเพลิดเพลินกับอาหารมากเท่ากับที่พวกเขาสนุกกับการออกแบบเมนูพิเศษให้กับค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองความอุดมสมบูรณ์ของผลผลิตไทยนี้ เชฟทั้งสามจะปรุง “มิติใหม่” ของอาหารและขนมไทยตัวแทนวัสสานฤดูออกมาเป็นเมนูเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย 2 จาน และอาหารจานหลัก 2 จานด้วยกัน แต่ประสบการณ์สุดพิเศษนี้จะออกมาในรูปแบบใด ติดตามกันได้ที่งานมิชลิน ไกด์ ไดนิ่ง ซีรีส์ ครั้งที่ 2 แห่งปี ณ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ในวันที่ 29-30 กันยายน 2563 โดยจัดเป็นไพรเวตอีเวนต์สำหรับผู้ที่ได้รับบัตรเชิญเท่านั้น

"Michelin Star Revelation"ประกาศไปเรียบร้อยกับรางวัล “มิชลิน ไกด์” ประเทศไทย ประจำปี 2563 ภายในงาน Michelin Star Revelation และมีการจัด GALA DINNER สุดพิเศษขึ้นด้วย เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จัดขึ้น ณ ห้อง เดอะ สุรวงศ์ บอลรูม โรงแรมแบงค็อกแมริออท ภายใต้คอนเซปต์ BLACK TIE WITH A GOLDEN TOUCH ซึ่งถ่ายทอดออกมาภายใต้แนวคิด “Zero Food Waste to the Landfill” ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของงานประกาศผลรางวัล ‘มิชลิน ไกด์’ ทั่วโลก ซึ่งในปีนี้มีการเพิ่มร้านอาหารจากจังหวัดเชียงใหม่เข้ามาเป็นปีแรกอีกด้วย โดยร้านที่ได้รับรางวัลจะได้เป็นส่วนหนึ่งในคู่มือ มิชลิน ไกด์ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต และพังงาฉบับปี พ.ศ. 2563 โดยในช่วงเช้า เป็นการประกาศผลรางวัล ร้านอาหารที่ได้รับรางวัล “บิบกูร์มองด์” ที่ได้รับเลือกใหม่ ทั้งหมด 27 ร้าน จากนั้นในช่วงเย็น ได้รับเกียรติจากเชฟระดับแนวหน้าของประเทศไทย นำแขกผู้มีเกียรติของเราร่วมเปิดประสบการณ์แบบไทยแท้สุด Exclusive กับดินเนอร์ 5 คอร์ส ที่รังสรรค์ขึ้นพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะ โดยอยู่ภายใต้แนวคิด “The Land of a Million Fields” นำเสนอแก่นแท้ความเป็นล้านนาและอาหารพื้นบ้านที่ได้แรงบันดาลใจจากความอุดมสมบูรณ์ของภาคเหนือ โดยใช้วัตถุดิบสดใหม่และมีคุณภาพ ผสมผสานกับวัตถุดิบจากผืนป่าและท้องนา ผ่านเมนูอาหารสุดสร้างสรรค์ ภายในงานได้รับเกียรติจาก คุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, MR. Manuel Montana (President Michelin East Asia & Oceania), และ MR. Gwendal Poulennec (International Director of The Michelin Guides) รวมถึงเชฟมิชลินสตาร์ชาวไทยมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

"MICHELIN GUIDE DINING SERIES 2019 4th EDITION"กลับมาอีกครั้งและยังคงไว้ซึ่งความ Exclusive กับ "MICHELIN GUIDE DINING SERIES 2019 4th EDITION" ณ ร้าน Element ที่ The Okura Prestige Bangkok ภายใต้แนวคิด “THE JAPANESE INFLUENCE” ด้วยบรรยากาศของ ความเป็นญี่ปุ่นโดยนำเสนอประสบการณ์มื้อค่ำแบบญี่ปุ่น ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยได้รับเกียรติจากเชฟของร้านอาหารระดับ 1 ดาวมิชลิน ถึง 2 ท่านด้วยกัน คือ เชฟฮานส์ ซาห์เนอร์ (Hans Zahner) เชฟชาวฝรั่งเศษผู้มากประสบการณ์ จากร้าน Elements ผู้ซึ่งเคยร่วมงานกับร้านอาหารสุดหรูกลางกรุงปารีสอย่างร้าน Lasserre และ เชฟแดน บาร์ค (Dan Bark) เจ้าของร้าน Upstairs at Mikkeller ร่วมสร้างสรรค์เมนูสุดพิเศษที่ทำจากวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็น Benja Chicken 100% Natural, Foei gras, Norwegian Langoustine, Ora King Salmon และอื่นๆ ออกมาเป็นดินเนอร์สุดอลังการกว่า 9 คอร์ส โดยเมนูทั้งหมดอยู่ภายใต้บรรยากาศของความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง #BenjaChicken #ปลอดสารปลอดภัย #ธรรมชาติ100% #ไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้อง #MICHELINGUIDEDINING #MICHELIN #หอมนุ่มฉ่ำ

สเต๊กอกไก่โมชิโอะ จาก Benja Chickenเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว กับสเต๊กอกไก่โมชิโอะ จาก Benja Chicken เมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมา ณ โรงแรม Waldorf Astoria Bangkok เน้นความอร่อยระดับพรีเมี่ยมแบบเต็มรูปแบบ ที่ 7-11 ด้วยเมนูที่ทำจากอกไก่เบญจาคุณภาพ รังสรรค์โดยเชฟระดับโลก อย่างเชฟหนุ่ม ธนินธร จันทรวรรณ และเตรียมพบกับเมนูใหม่ของBenja Chicken เร็วๆนี้ 😊 #BenjaChicken #ไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้อง #หอมนุ่มฉ่ำ

Benja Chicken x AlmaBenja Chicken เปิดตัวเเล้วที่สิงคโปร์! ณ ร้าน Alma by Juan Amador (1 Star Michelin Restaurant) ด้วยเมนูสุด Exclusive ของ Benja Chicken สำหรับ Lunch Set ใน Special 3 course menu Limited Time Offer : 3 ก.ย. - 3 ธ.ค. นี้เท่านั้นหากใครมีโอกาสไปเที่ยวสิงคโปร์ อย่าลืมแวะเวียนเข้าไปชิมความอร่อยกันนะค๊าาาาา #BenjaGoInter #BenjainSingapore #Benjaความภูมิใจของแบรนด์ไทย

MICHELIN GUIDE DINING SERIES 2019 2nd EDITIONรวมภาพบรรยากาศสุด Exclusive ของงาน "MICHELIN GUIDE DINING SERIES 2019 2nd EDITION" ณ ร้าน Savelberg (รางวัล 1 ดาวมิชลิน) ภายใต้แนวคิด “The French Connection” โดยนำเสนอประสบการณ์มื้อค่ำแบบฝรั่งเศสที่ผสานความเป็นไทย ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ภายในงานเราได้รับเกียรติจากเชฟถึง 2 ท่านด้วยกัน คือ เชฟเฮงค์ ซาเวลเบิร์ก เชฟระดับ 1 ดาวมิชลิน จากร้าน Savelberg และ เชฟอเมริโก้ เซสติ เชฟระดับ 1 ดาวมิชลิน จากร้าน แฌม บาย ฌอง-มิเชล โลรองต์ มารังสรรค์เมนูสุดพิเศษที่ทำจาก Benja Chicken 100% Natural เมนูแรก Amuse-Bouche กับเมนู Benja chicken, white asparagus and crustacean emulsion โดยเชฟอเมริโก้ เซสติ และตามด้วย Main course สุดอลังการ ที่มาในเมนู Chicken breast, mash potatoes with Epoisses, morel and port ที่ทำจากเนื้ออกไก่ โดยเชฟเฮงค์ ซาเวลเบิร์ก และ เมนู Chicken wing, cabbages and Australian black winter truffle ที่ทำจากส่วนปีก โดยเชฟอเมริโก้ เซสติสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยของ Benja Chicken 100% Natural ด้วยตัวคุณเองได้แล้ววันนี้ที่ https://bit.ly/2FpSsVk #BenjaChicken #ปลอดสารปลอดภัย #ธรรมชาติ100% #ไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้อง #MICHELINGUIDEDINING #MICHELIN

MICHELIN GUIDE DINING SERIES 2019 1st EDITIONBenja Chicken 100% Natural ขอแสดงความยินดีอีกครั้ง กับคุณภัคกร นุติทวัฒน์ ผู้โชคดีที่ได้ร่วมงาน "MICHELIN GUIDE DINING SERIES 2019 1st EDITION" สุด Exclusive ณ ร้าน Saawaan (รางวัล 1 ดาวมิชลิน) ภายใต้แนวคิด "A Day in Bangkok" เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเชฟอ้อม สุจิรา พงษ์มอญ เจ้าของร้าน Sawaan ได้นำ Benja Chicken มาปรุงเป็นเมนู Marinated Grilled Benja Chicken, Prickly Ash, Red Chili Relish ได้อย่างวิจิตรบรรจงพร้อมเสิร์ฟ Dinnerร่วมสัมผัสความอร่อยของ Benja Chicken 100% Natural ได้แล้ววันนี้ที่ https://bit.ly/2FpSsVk #BenjaChicken #ปลอดสารปลอดภัย #ธรรมชาติ100% #ไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้อง #MICHELINGUIDEDINING #MICHELIN

ประกาศผล! รางวัล Michelin Star ประจำปี 2019เปิดงานด้วยเมนูต้อนรับสุดหรูอย่าง CHICKEN OYSTER, GREEN APPLE & BUTTERFLY PEA, SEA GRAPE ที่ปรุงจากวัตถุดิบสุดพรีเมียมอย่าง Benja Chicken 100% Natural ซึ่งความพิเศษสุดของเมนูนี้ คือ เชฟมิชลินเลือกใช้ส่วนที่อร่อยที่สุดของเนื้อไก่ คือส่วน "CHICKEN OYSTER" เนื้อชิ้นเล็กๆ ที่อยู่บริเวณน่องสะโพกและมีเพียงแค่ 2 ชิ้นเล็กๆ ใน 1 ตัวเท่านั้น!! มารังสรรค์เป็นเมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เสิร์ฟมาบนฝาหอยนางรมอย่างสวยงามทาง Benja Chicken ต้องขอแสดงความยินดีกับเชฟหนุ่ม จากร้าน Chim by Siam Wisdom ที่ยังคงรักษามาตรฐานความอร่อยและความพิถีพิถันในการเลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศมาปรุงอาหารไว้ได้เช่นเคย ทำให้ได้รับรางวัล Michelin 1 Star ติดต่อกันถึง 2 ปีซ้อน!!ร่วมสัมผัสความอร่อยของ Benja Chicken 100% Natural ได้แล้ววันนี้ที่ https://bit.ly/2FpSsVk#BenjaChicken #WagyuofChicken #Michelinstar19

Benja Chicken ร่วมกับ ร้าน “ชิม” บาย สยาม วิสดอมดินเนอร์สุด Exclusive “Benja Chicken Prestige Dining”Benja Chicken ร่วมกับ ร้าน “ชิม” บาย สยาม วิสดอมดินเนอร์สุด Exclusive “Benja Chicken Prestige Dining” เปิดตัว 3 เมนูอีสานจานหรูจากไก่พรีเมี่ยม Benja Chicken ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์เมนู ประจําร้าน ที่รังสรรค์โดยเชฟหนุ่ม ธนินทร จันทรวรรณ เชฟระดับมิชลิน สตาร์ 1 ดาว ในปี 2018 ซึ่งจะเสิร์ฟที่ร้าน ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ (เดือนตุลาคม - ธันวาคม) โดยเมนูไฮไลท์ก็คือ “ม้วนไก่เบญจา แช่เหล้าโรง”, “ไก่เบญจาต้มกะทิ กับ ใบมะขามอ่อนและไข่มดแดงนอกฤดู” และ “สะโพกไก่เบญจา รมควัน กับน้ําจิ้มแจ่วอีสาน” ร่วมสัมผัสความอร่อย หอม นุ่ม ฉ่ำ สไตล์ไทย-อีสาน ที่มีวัตถุดิบเป็นไก่สุดพรีเมียมอย่าง Benja chicken กันได้ที่ร้าน “ชิม” บาย สยาม วิสดอม นะคะ #benjachicken #wagyuofchicken

ดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ มิชลิน ไกด์ ไดนิ่ง ซีรีส์ สำหรับ Benja Chicken แบรนด์ล่าสุดที่ร่วมสนับสนุน มิชลิน ไกด์ ประเทศไทยในปี 2019 นี้ พร้อมเสริฟ 3 เมนูจากวัตถุดิบพรีเมียม “ไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้อง” เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา – มิชลิน ไกด์ ไทยแลนด์ ได้จัดดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟขึ้นในงาน มิชลิน ไกด์ ไดนิ่ง ซีรีส์ ครั้งที่ 3 ณ ร้านอาหารเสน่ห์จันทน์ โดย Benja Chicken ในฐานะหนึ่งในผู้สนับสนุนล่าสุดของ มิชลิน ไกด์ ไทยแลนด์ 2019 ได้ถือโอกาสเชิญพันธมิตร ทางการค้าและสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน ภายใต้คอนเซ็ป Authentic Thai meets Modern Fusion ร่วมลิ้มลองเมนูสุดพิเศษ รังสรรค์โดยเชฟระดับมิชลินสตาร์จากร้านอาหารระดับ 1 ดาวมิชลินประจำปีนี้ เชฟบอย - ปิยะชาติ พุทธวงษ์ จากร้านเสน่ห์จันทน์ ร่วมกับ เชฟ Lam Ming Kin ร้าน Longtail จากกรุงไทเป บินตรงมาเพื่อครีเอทเมนูสุดเอ็กคลูซีฟตามสไตล์ถนัดของตนเอง เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ ที่ดีที่สุด ในการลิ้มรสอาหารชั้นเลิศ โดยเสริฟ 1 เมนูคานาเป้ และ 2 จานหลัก ที่เป็นเมนูไก่ จาก 5 คอร์สเมนู โดยเลือกใช้วัตถุดิบระดับพรีเมียม “Benja chicken” ไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้อง ให้แขกระดับซุปเปอร์วีไอพี ได้สัมผัสความหอม นุ่ม ฉ่ำ ก่อนใคร ติดตามความอร่อยติดดาวกับ Benja Chicken ได้ที่นี่เร็วๆนี้

บรรยากาศงานเปิดตัว “Benja Chicken”